นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวมีความต้องการในการได้รับประสบการณ์ความบันเทิงและการบริโภคสินค้าที่มีอัตลักษณ์เพิ่มมากขึ้น นับเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยจะต้องพัฒนาความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตของฝาก ของที่ระลึก และสินค้าจากวิสาหกิจชุมชน โดยอุตสาหกรรมเหล่านี้ถือว่ามีความได้เปรียบในตนเอง เนื่องจากผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อล้วนแล้วแต่เข้ามาซื้อหาถึงแหล่งผลิต รวมถึงแนวโน้มด้านการบริโภคสินค้าของนักท่องเที่ยวที่ต้องการบริโภคสินค้าที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของไทยเพื่อระลึกถึงประสบการณ์และความประทับใจที่ได้รับจากการเข้ามาเยี่ยมเยือนชุมชนต่างๆ ในประเทศไทย
กสอ. จึงจัดตั้งโครงการสร้างสรรค์อัตลักษณ์สินค้าอุตสาหกรรมชุมชนสู่สากล หรือ “THAIDEN (ไทยเด่น)” ขึ้น มุ่งหวังให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชนในแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมของใช้ ของตกแต่งและของที่ระลึกที่สามารถต่อยอดสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีการพัฒนาศักยภาพไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
โครงการดังกล่าวยังได้เฟ้นหาและคัดเลือกผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าเด่นมีอัตลักษณ์เชิงพื้นที่ในแต่ละจังหวัดเข้าสู่กระบวนการออกแบบและพัฒนาสินค้าในเฟสที่ 1 โดยจะคัดเลือกให้เหลือตัวแทนจังหวัดละ 1 ราย รวมทั้งสิ้น 77 ราย เพื่อสนับสนุนให้เกิดการผลิตเชิงพาณิชย์และต่อยอดด้วยการตลาดดิจิทัล จากพันธมิตร เช่น AIS Business, ธนาคารกสิกรไทย และ King Power พร้อมเชื่อมโยงให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อให้เกิดการขยายการผลิตในท้องถิ่นและรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวของชุมชนได้สูงขึ้นต่อไป
“โครงการไทยเด่นจะสนับสนุนให้ เอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชนทุกจังหวัดสร้างสรรค์ พัฒนาผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ชุมชนท้องถิ่นสร้างมูลค่าเพิ่มรายได้และเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย โดยจัดนิทรรศการแสดงผลงานสินค้าชุมชน พร้อมด้วยกิจกรรมเสวนาให้ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ จากวิทยากรพิเศษและนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงเช่น คุณตัน ภาสกรนที จากอิชิตัน คุณฟูมิ ซาซาดะ จากบราวิส อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทออกแบบบรรจุภัณฑ์อันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น”นายกอบชัยกล่าว
จากการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมของฝาก ของที่ระลึก และสินค้าจากวิสาหกิจชุมชนไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้พบว่าผู้ประกอบการหลายรายต้องปรับปรุง ได้แก่ 1.การพัฒนาตราสินค้าเพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะใช้สื่อสารและสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภคปัจจุบันผู้ประกอบการไทยยังคงติดอยู่กับการใช้รูปแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สี การออกแบบ การใช้ตัวอักษร ฯลฯ ซึ่งต้องปรับให้ร่วมสมัยและเป็นสากลมากขึ้น
2.บรรจุภัณฑ์ต้องแข็งแรงทนทาน แตกต่างจากสินค้าคู่แข่ง เพื่อสร้างความประทับใจระหว่างผู้ให้และผู้รับ รวมถึงสามารถยืดอายุของสินค้าและผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี 3.การเข้าถึงช่องทางดิจิทัลและออนไลน์ ผู้ประกอบการจึงต้องหันมาทำตลาดออนไลน์ทั้งด้วยช่องทางการจัดจำหน่าย การบอกเล่าเรื่องราว การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การสร้างหน้าร้านผ่านเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์รวมถึงเพิ่มความสะดวกด้วยคิวอาร์โค้ด เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคได้โดยตรงและรวดเร็ว
4.การศึกษาตลาดของผู้บริโภค ผู้ประกอบการต้องเรียนรู้พฤติกรรมที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อของผู้บริโภคในหลายๆ กลุ่ม พร้อมนำมาพัฒนาสินค้าเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารและไลฟ์สไตล์
นายกอบชัยกล่าวว่า การสร้างเศรษฐกิจจากวัฒนธรรม ถือเป็นการนำวัฒนธรรมมาผสานกับความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ