ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ปัญหายังไงก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย แถมยังยิ่งจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นทุกที ซึ่งเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมาได้มีการเปิดเผยว่าในขณะนี้กำลังมีบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมของญี่ปุ่น (SME) ที่ล้มละลายปิดกิจการไปเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนบุคลากรเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วมากที่สุดในประวัติศาสตร์ หลายกิจการพบเจอกับปัญหาไม่สามารถหาพนักงานมาปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการหลายเจ้าจึงฝืนขึ้นค่าแรงเพื่อให้สามารถหาพนักงานเข้ามาทำงานได้ แต่นั่นก็กลับกลายเป็นการส่งผลร้ายต่อผลประกอบการในที่สุด
จากข้อมูลของ Tokyo Shoko Research เปิดเผยว่าการล้มละลายหรือปิดกิจการเนื่องจากขาดบุคลากรตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายนของปีนี้มีมูลค่าหนี้สินรวมอยู่ที่ 41,700 ล้านเยน ซึ่งตามการคาดการณ์ภายในปีนี้มูลค่าหนี้สินรวมทั้งสิ้นที่เกิดจากปัญหาการขาดแคลนบุคลากรจะเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่น ในปีนี้มีบริษัทที่ต้องปิดกิจการเนื่องจากขาดแคลนบุคลากรเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 48.1% ยกตัวอย่างเช่น บริษัท JIN Technical ผู้ให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ ถึงทางบริษัทจะมีลูกค้าติดต่อเข้ามาให้ขอให้บริการมากขึ้น แต่ทางบริษัทกลับไม่สามารถตอบรับต่อความต้องการดังกล่าวได้ เพราะไม่มีบุคลากรเพียงพอ ทำให้สุดท้ายก็ต้องตัดใจที่จะดำเนินกิจการต่อ เป็นต้น
ทาง Tokyo Shoko Research ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่าปัญหาขาดแคลนบุคลากรเกิดขึ้นในสายอาชีพที่ต้องใช้แรงงาน (Blue collar) มากที่สุด และปัญหาดังกล่าวก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้กันได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน….
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ anngle.org