นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศไทย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวในงาน “Grobal Research Briefing 2017” ว่า สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2561 จะเติบโตอยู่ที่ 4.3% จากปี 2560 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.6% เป็นผลมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศมีการเติบโตดีขึ้น หลังจากรัฐบาลมีกรอบระยะเวลาการเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อมั่นของเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น
ประกอบกับได้รับปัจจัยสนับสนุนของภาคท่องเที่ยวการส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 5% ในปี 2561 จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 7% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยมีเรื่องหลักๆอยู่ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.นโยบายของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนในปีหน้า ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบได้ 2.นโยบายโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
3.การเป็นศูนย์กลางของประเทศที่กำลังเติบโตของกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม)ที่ปัจจุบันมีทิศทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตมากขึ้นกว่า 5% และคาดว่าในอนาคตจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 4.นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งยังเป็นนโยบายที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในการก้าวสู่การเป็นประเทศเทคโนโลยีในอนาคต
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2561 จะเริ่มเห็นความชัดเจนในการเบิกจ่ายของภาครัฐกว่า 2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่มีการเบิกจ่ายไปเพียง 5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นเงินลงทุน 5% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 1.79 ล้านล้านบาทแต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามในปี 2561 จากความกังวลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่ยังคงชะลอตัวอยู่